การทำงาน ของ สามารถ แก้วมีชัย

สามารถ แก้วมีชัย เคยทำงานที่การเคหะแห่งชาติ ก่อนจะลาออกไปเป็นนักธุรกิจก่อนจะเข้ามาทำงานการเมืองท้องถิ่น เป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองเชียงราย และได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ต่อมาจึงได้เข้าร่วมกลุ่มของนายยงยุทธ ติยะไพรัช และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงราย สังกัดพรรคไทยรักไทย ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2544 และการเลือกตั้ง พ.ศ. 2550 สังกัดพรรคพลังประชาชน ต่อมาก็ได้ย้ายมาสังกัดพรรคเพื่อไทยพร้อมกันกับสมาชิกจากพรรคพลังประชาชนเดิม

สามารถ แก้วมีชัย เคยได้รับตำแหน่งทางการเมืองหลายตำแหน่ง อาทิ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม[1] โฆษกคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาล ต่อมาในปี พ.ศ. 2551 จึงได้รับการเลือกตั้งจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 แทนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์[2]

ใน การเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 นายสามารถยังได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีกสมัย ส่วน การเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 ถูกประกาศให้เป็นโมฆะ แต่ใน การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 นายสามารถสูญเสียตำแหน่งให้กับนาย เอกภพ เพียรพิเศษ จาก พรรคอนาคตใหม่ ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นครั้งแรก ต่อมาในวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 นายสามารถได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย [3]

กระทั่งวันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2562 นายสามารถได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย [4] ต่อมาในวันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2563 นายสามารถได้โพสต์ภาพหนังสือการลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยระบุว่าได้ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยจำนวน 3 ฉบับแก่นาย สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคและ พันตำรวจเอก จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองและให้มีผลตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2563 เป็นต้นไปโดยให้เหตุผลว่าต้องการเป็นอิสระและปลอดสังกัดพรรคการเมือง [5]